เป็นที่ทราบกันดีว่าปัจจุบัน Google ได้ทำการเริ่มทดสอบการแสดงผลการค้นหาใน Search Engine โดยการปรับครั้งนี้ เป้าหมายคือ การจัดอันดับการแสดงผลให้เว็บไซต์ที่รองรับมือถืออยู่ในอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่ไม่รองรับมือถือ ซึ่งหมายความว่าเว็บไซต์แบบเดิม ที่ไม่รองรับมือถือจะถูกลดอันดับลง
การปรับเปลี่ยนระบบจัดอันดับการแสดงผลของ Google ในขณะนี้ ยังเป็นการทำแบบช้าๆ ซึ่งเรื่องนี้ทาง Google ได้เคยบอกเป็นนัยๆ มาก่อนล่วงหน้า ตั้งแต่ปีที่แล้ว และในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา ทาง Google ได้ออกมาโพสต์รายละเอียดเกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบจัดอันดับดังกล่าว ใน Blog ที่เป็นทางการของ Google โดยตรง
ดังนั้นหากที่ผ่านมาคุณยืดยาด หรือรีรอ ในการที่จะโดดเข้ามาร่วมในเส้นทางการปฏิวัติของมือถือ นี่คือเวลาที่คุณจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพราะบรรดา Seach Engine ขาใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Google, Bing หรือแม้แต่ Yahoo ต่างก็มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับเว็บไซต์มีเนื้อหารองรับมือถือ เนื่องจากปัจจุบันการค้นหาข้อมูลบน Search Engine มือถือครองความเป็นเจ้าอยู่
และนี่คือ 5 ขั้นตอน ที่คุณสามารถนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณให้สามารถติดหน้าแรกของ Google หลังการปรับเปลี่ยนระบบการจัดอันดับแบบใหม่
1. ความเร็ว
ความเร็วในเปิดหน้าเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ผู้ชมคาดหวังมากที่สุด และที่สำคัญคือ Google ใช้เป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับการแสดงผล และนีคือสิ่งที่ควรพิจารณาในการปรับความเร็วของเว็บไซต์คุณ
- Optimize images คือการเพิ่มประสิทธิภาพของภาพที่ใช้ประกอบในเว็บไซต์ วิธีที่ดีที่สุดคือการทำให้ภาพนั้นมีขนาดไฟล์ให้เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- Minify code คือการเอา Code หรือ ไฟล์ที่ไม่จำเป็น (ไม่ได้ใช้งาน) ออกไป เช่น การเชื่อมต่อกับ Webfont จากภายนอก เป็นต้น เพราะเป็นการทำให้เว็บไซต์ต้องโหลดข้อมูลนานขึ้น
- Leverage browser caching คือการทำแคชที่เบราว์เซอร์ เพื่อให้เบราว์เซอร์ทำการเก็บข้อมูลไฟล์ต่างๆ ของเว็บเพจ ในเครื่องของผู้ชม เพื่อช่วยลดเวลาการโหลดทรัพยากรต่างๆ
- Reduce redirects เนื่องมาจากการเปลี่ยนเส้นทาง (Redirect) มากเกินไป จะเป็นผลให้การทำงานหรือการเปิดหน้าเว็บเพจนั้นช้าลง
2. อย่าปิดกั้น CSS, JavaScript หรือภาพ
การปิดกั้น Code บางอย่างเช่น CSS, JavaScript หรือแม้แต่ รูปภาพ มีความจำ และถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ สำหรับเว็บไซต์มือถือในรุ่นแรกๆ เนื่อง Code ดังกล่าวเป็นสาเหตุของปัญหาต่างๆ ในการใช้งานบนหน้าจอ เช่นเกิดปัญหาเวลา Drag เป็นต้น แต่ในปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวไม่มีอีกต่อไปแล้ว
3. ออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับมือถือ
ปัจจุบันการทำ SEO ได้เข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนถ่ายอย่างแท้จริง จากเดิมที่เป็นเรื่องทางเทคนิคล้วนๆ ปัจจุบันมีเรื่องศิลปเขามาเกี่ยวข้อง เพราะ SEO ในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเขียน Code และหาช่องทางหรือวิธีในการจัดอันดับที่ดี แต่ตอนนี้จะต้องรู้ด้วยว่าการออกแบบเว็บไซต์ก็มีอิทธิผล หรือมีผลต่อการติดอันดับด้วยเช่นกัน
การออกเว็บไซต์ไซต์ที่รองรับมือถือ มันคือศิลปในตัวของมันเอง ในความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่า การออกแบบเว็บไซต์ที่เป็น responsive คือหนทางที่ดีที่สุด แต่ไม่ว่ากระบวนการออกแบบเว็บไซต์ของคุณจะเป็นอะไร นี่คือเคล็ดลับบางอย่างที่จะช่วยให้การออกแบบเว็บไซต์มือถือของคุณเป็นมิตรกับ Search Engine
- Never use Flash.แปลง่ายๆ คือ ไม่ใช้ไฟล์ประเภท แฟลช นั่นเอง ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัท แอปเปิ้ล ได้กำจัดไฟล์แฟลชออกไปจากการแสดงผลในมือถือ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมือ ผู้ใช้มือถือก็ไม่ชมไฟล์แฟลชในมือถือได้อีกเลย ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเอามันออกไป และหันไปใช้ HTML 5 หรือ Java Script แทนจะดีกว่า
- Get rid of pop-ups. เว็บไซต์สำหรับมือถือ การใช้ Pop-Up เป็นสิ่งไม่ควร เพราะจำทำให้มือถือของผู้ชมทำงานหนัก ผลที่ตามมาคือคุณจะทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่แย่ และพวกเขาจะปิดหน้าเว็บไซต์คุณทิ้งไปอย่างไม่ใยดี และรับประกันได้เลยว่า อัตราการตีกลับ (bounce rate) ของคุณจะสูงขึ้น ซึ่งทำให้อันดับในการแสดงผลของเว็บไซต์คุณลดลง
- Design for “the finger.” การออกแบบเว็บไซต์สำหรับมือถือ จะต้องออกแบบมาเพื่อนิ้วเป็นหลัก หรือเรียกอีกอย่างว่า "Freindly Finger" ซึ่งการออกแบบที่ดีจะต้องทำให้การใช้งานได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการการคลิก, การเลื่อน เพื่อดูข้อมูลในเว็บไซต์ ดังนั้นต้องแน่ใจว่า แทบ, ปุ่ม ต่างๆ ไม่บดบังกันจนทำให้ผู้ชมเสียความรู้สึก
4. เพิ่มประสิทธิภาพในหน้าเพจ (On-page optimization)
เมื่อถึงเวลาของการค้นหาด้วยมือถือ หรือเรียกสั้นๆ ว่า SERPS (search engine results pages) ผลที่ตามมาคือพื้นที่การทำงานที่น้อยลง ดังนั้นคุณต้องแน่ใจว่า คุณได้มีการ ตั้ง Title Page และ Description กระชับ และตรงประเด็น
การตั้งTitle Page และ Description กระชับ และตรงประเด็น จะช่วยให้ GoogleBot เข้าใจเว็บเพจของคุณได้เร็วขึ้น และยังช่วยให้ผู้ชมเข้าใจคุณได้ดียิ่งขึ้นว่าคุณคือใคร นอกจากนี้การ ตั้งTitle Page และ Description กระชับ และตรงประเด็น ยังเป็นผลที่นำไปสู่การทำให้ อัตรการคลิกผ่าน ( click-through rate) สูงขึ้น ทำให้ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น
5. เพิ่มระสิทธิภาพการค้นหาในท้องถิ่น (Local optimization)
ในเดือนกันยายน ที่ผ่านมา ทาง Google ได้ปล่อย Possum ออกมา ซึ่งเป็น ตัวอัพเดทอัลกอริทึ่มการค้นหาข้อมูลในระดับท้องถิ่น ซึ่ง Google มองเห็นว่า การค้นหาข้อมูลทางมือถือมีความสำคัญต่อธุรกิจ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาใช้บริการในร้าน โดยผลการวิจัยพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลในท้องถิ่นของ Google แสดงให้เห็นว่า การค้นหาแบบท้องถิ่นพร้อมที่จะดำเนินการแล้ว
ในรายงานการวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า "ร้อยละ 50 ของผู้บริโภคที่มีการค้นหาข้อมูลในท้องถิ่นด้วยมาร์ทโฟน มีการเข้าเยี่ยมชมร้านค้าในแต่ละวัน และร้อยละ 34 ที่ค้นหาข้อมูลบนคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตก็ทำเช่นเดียวกันๅ" จะเห็นได้ว่าธุรกิจในท้องถิ่นจะได้รับประโยชน์จากการค้นหาด้วยมือถือมากกว่าการค้นหาแบบอื่น
และนี่คือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นพบธุรกิจของคุณจากการค้นหาด้วยมือถือ
- ใส่ชื่ออำเภอ ชื่อจังหวัด ใน Title Page
- ชื่ออำเภอ หรือ ชื่อจังหวัด ใส่ใน Tag H1
- ใส่ชื่ออำเภอ หรือ ชื่อจังหวัด ใน URL
- ใส่ชื่ออำเภอ และ/หรือ ชื่อจังหวัดในเนื้อหา
- ใส่ชื่ออำเภอ หรือ ชื่อจังหวัด ใน Tag alt (ใช้แสดงรูปภาพ)
- ใส่ชื่ออำเภอ และ/หรือ ชื่อจังหวัดใน Tag Description
- และอย่าลืมใส่ชื่อ ร้าน, บริษัท พร้อมเบอร์โทรศัพท์
ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้จาก Google ในเรื่องเกี่ยวการผลักดันการปรับอัลกอริทึ่มการค้นหาสำหรับเว็บไซต์ที่รองรับมือถือของพวกเขา แต่จากเนื้อหาที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ สามารถที่จะช่วยให้คุณนำวิธีการไปใช้ เพื่อปรับเว็บไซต์ของคุณให้สามารถแสดงผลการค้นหาทางโทรศัพท์มือถือได้อย่างถูกต้องตามสิ่งที่ Google ต้องการ
ถ้าเว็บไซต์ของคุณยังไม่รองรับมือถือ "อย่ารอจนกระทั่ง Google ประกาศใช้อัลกอริทึ่มนี้อย่างเป็นทางการ" ถึงเวลาแล้วที่คุณต้อง "ลงมือทำ"
สำหรับท่านที่ใช้บริการ เว็บไซต์สำเร็จรูป ที่เป็นระบบ Responsive อยู่แล้ว สบายใจได้ครับ เพราะ เว็บสำเร็จรูป ที่ท่านใช้อยู่รองรับการแสดงผลบนมือถือตามแบบใหม่ที่ทาง Google จะประกาศใช้อย่างเป็นทางการนี้แน่นอน
จาก : searchengineland.com
โดย :สุพจน์ทรงเผ่า